Keyword Mapping คืออะไร และจำเป็นอย่างไรต่อเว็บไซต์

Keyword mapping เป็นคำที่เรามักจะได้ยินบ่อย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจกระบวนการทำงานของมัน อธิบายง่ายๆ คือ การจัดระเบียบคีย์เวิร์ดของคุณให้ถูกต้องกับหน้าบนเว็บไซต์นั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว มันจะขึ้นอยู่กับเนื้อหา หัวข้อ หรือว่าหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร เป็นการเชื่อมโยงคีย์เวิร์ดกับโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณเข้าด้วยกัน

ที่ Phoenix Media เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าของเรา ในการระบุคำค้นหาและกำหนดให้ตรงกับหน้าเพจที่เหมาะสม พูดง่ายๆ เหมือนเรากำลังสร้างแผนที่ ซึ่งจะใช้ในการวางแผนและจัดการเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์ของคุณทั้งในตอนนี้และในอนาคต

อะไรคือจุดประสงค์ของ Keyword mapping

การวางแผนที่ของคีย์เวิร์ดนั้น เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราโฟกัสในการวางแผน SEO เพราะมันเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดลำดับเว็บไซต์ของคุณในคีย์เวิร์ดที่คุณเลือก สถิติทั้งหมดจะอยู่ในที่เดียว ดังนั้นคุณจะสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของหน้าต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจัดลำดับความสำคัญของหน้าต่าง ๆ ในการทำ SEO

นอกจากนี้ keyword mapping ยังจำเป็นสำหรับ:

โครงสร้างลิ้งค์ภายในเว็บไซต์: หากคุณจัดระเบียบคีย์เวิร์ดที่คุณเลือกไว้ คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพโดยสร้างลิงก์ภายในซึ่งสามารถเชื่อมโยงหน้าที่คล้ายกันหรือที่เกี่ยวข้องกันได้
สร้างความสม่ำเสมอ: ทุกคนในแผนกการตลาดของคุณจะรู้ว่ามีการใช้คำหลักใดในแต่ละหน้าและสามารถออกแบบเนื้อหาได้ตามความเหมาะสม

หลีกเลี่ยงการแข่งกันเองของหน้านั้น ๆ : หากคำหลักเดียวกันปรากฏในหลายหน้า คุณอาจะเจอสถานการณ์ที่ว่า หน้าเหล่านั้นแข่งขันกันเอง การทำแผนที่จะช่วยให้คุณสามารถกระจายคำหลักไปได้ทั่วถึง
ทาร์เก็ตคำที่ต่ำกว่าเกณฑ์: คำหลักบางคำอาจไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและการมีแผนที่ จะช่วยในการระบุปัญหานี้ เพื่อที่คุณจะสามารถสร้างหน้าใหม่หรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่มีอยู่เพื่อรองรับข้อกำหนด

ลดโอกาสของเนื้อหาที่ซ้ำกัน: การมีโครงสร้างที่ดีจะช่วยลดปัญหาเนื้อหาซ้ำกันบนเว็บไซต์ ถ้าเว็บไซต์ของคุณเต็มไปด้วยเนื้อหา มันง่ายมากที่คุณจะลืมว่าคุณใส่อะไรเข้าไปในเว็บไซต์บ้าง
เริ่มจากไหนดี

อันดับแรกเลยคุณต้องตัดสินใจว่าอยากจะให้เว็บไซต์จัดอันดับด้วยคีย์เวิร์ดอะไร แต่ให้อิงจากที่มีการค้นหาจริง ไม่ใช้คำโฆษณาที่คิดขึ้นมาเอง เพราะจุดประสงค์ของการจัดอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น ก็เพื่อเพิ่มทราฟฟิคเข้ามาในเว็บไซต์ ดังนั้น เราต้องวางกลยุทธ์รอบ ๆ คีย์เวิร์ดเหล่านั้น มีเครื่องมือมากมายที่เราสามารถใช้ได้ในการค้นหาว่าคีย์เวิร์ดอะไรที่มีการค้นหาจริง พร้อมจำนวนครั้งที่มีการค้นหาในแต่ละเดือน ในประเทศไทย เครื่องมือที่เราคิดว่าจะช่วยให้ข้อมูลที่ใกล้เคียงที่สุด คือ Keyword planner ใน Google Ads ให้เราจำไว้ว่า เราควรจะโฟกัสที่คีย์เวิร์ดแยกหน้ากันไป ไม่ใช่ภาพรวมของเว็บไซต์

อันดับต่อไป เราต้องกำหนดความชัดเจนว่า จุดประสงค์ของคีย์เวิร์ดที่เราเลือกนั้นคืออะไร โดยพื้นฐานแล้วสิ่งนี้สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ เพื่อให้ข้อมูล หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า แนะนำให้ใช้ทั้งสองอย่างผสมผสานกัน แต่คุณจะต้องปรับและจัดเรียงเนื้อหาของคุณให้เข้ากับมันด้วย

ทำรายการหน้าของเว็บไซต์

บางเว็บไซต์อาจจะมีแค่ไม่กี่หน้า แต่ถ้าคุณมีเว็บไซต์ที่ค่อนข้างใหญ่ อาจจะยุ่งยากและใช้เวลาหน่อย อย่างไรก็ตาม การทำรายการหน้าของเว็บไซต์นั้นเป็นสิ่งที่คุณจะต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ละหน้า คุณจะต้องคำนึงถึง

จุดประสงค์ของหน้านั้น ๆ

คุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักของคุณได้อย่างไร พวกเค้าใช้คำอะไรในการค้นหา
ถ้าคุณต้องเขียนเนื้อหาใหม่เพิ่มเติม แต่เว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาเยอะ ให้คุณโฟกัสหน้าที่คนเข้ามาเยอะที่สุดก่อน แน่นอนล่ะว่า ถ้าเริ่มจากหน้าที่ไม่มีคนเข้ามาเท่าไหร่ คุณก็จะไม่เห็นผลอะไร

ตัวอย่างการใช้ keyword mapping

ใส่คีย์เวิร์ดเข้าไปในชีทของคุณ

ส่วนใหญ่แล้วคุณจะสามารถดาวน์โหลดคีย์เวิร์ดออกมาเป็นไฟล์ CSV ได้จากเครื่องมือที่ใช้ในการวัดอันดับเว็บไซต์ คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คีย์เวิร์ดสั้น ๆ จะมีการใช้ในการค้นหามาก แต่ก็จะยากกว่าที่จะจัดอันดับ โดยเฉพาะถ้าเป็นคำที่กว้าง ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำว่า “ร้านดอกไม้” คุณอาจจะประสบความสำเร็จกับคำว่า “ร้านดอกไม้ในกรุงเทพ” เพราะนั่นสื่อความหมายที่ชัดเจนกว่า

อย่าลืมข้อเท็จจริงที่ว่า ปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับคือการมอบเนื้อหาที่ผู้ใช้ต้องการ ดังนั้นคุณต้องแน่ใจว่าคุณใช้คีย์เวิร์ดและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหน้านั้นมากที่สุด อย่ากลัวที่จะใช้คีย์เวิร์ดที่อาจจะไม่ได้มีการค้นหามากนัก ตราปใดที่มันเกี่ยวข้องกับหน้าของคุณ คุณอาจประหลาดใจที่ได้เห็น conversion จากคีย์เวิร์ดเหล่านั้น เพราะมันอาจจะตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการมากกว่า

จับกลุ่มคีย์เวิร์ด

แม้ว่าคุณอาจมีคีย์เวิร์ดหรือวลีที่เฉพาะเจาะจง แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใช้สำนวนและคำพ้องความหมายที่เกี่ยวข้องกัน หากคุณใช้คำหลักของคุณเป็นกลุ่ม มันจะทำให้ง่ายขึ้นในการเชื่อมโยงข้อความที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งคุณสามารถนำมาใช้ในการเชื่อมโยงหน้าต่าง ๆ บางครั้งเครื่องมือที่เราใช้เช็คอันดับเว็บไซต์ อาจมีตัวช่วย แต่มันก็ไม่แม่นยำเสมอไป ไม่มีใครรู้จักธุรกิจของคุณดีไปกว่าตัวคุณเอง!

หน้าไหนที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดของคุณมากที่สุด

เครื่องมือตรวจสอบเว็บไซต์บางประเภท สามารถวิเคราะห์เนื้อหา คีย์เวิร์ด และข้อมูลเมตา ที่อยู่บนหน้าเว็บของคุณได้ นอกจากนี้ มันยังสามารถแนะนำคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหน้านั้น คุณจะต้องตัดสินใจว่าคุณอยากจะเลือกคีย์เวิร์ดไหน โดยอิงจากข้อมูลที่ได้มา ถึงแม้ว่าปริมาณการค้นหามีความสำคัญ แต่คุณก็ต้องยึดหลักความเป็นจริง และมุ่งเน้นไปที่เจตนาของธุรกิจ

เนื้อหานั้น เป็นแค่ข้อมูลหรือเน้นขาย

อย่างที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าคุณจะต้องมีความชัดเจนว่าเนื้อหาของคุณนั้นเป็นแค่การให้ข้อมูลหรือเน้นขาย ในขณะที่ ข่าว, การสอน, หรือบล็อก จะเป็นเนื้อหาที่เน้นการให้ข้อมูล เพราะฉนั้นผู้ใช้แค่ต้องการข้อมูล ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะซื้อ ดังนั้น การเลือกคีย์เวิร์ดก็ต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ของมันด้วย

การเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องมากที่สุดกับหน้านั้นเป็นสิ่งจำเป็น แน่นอนว่า คุณสามารถเชื่อมโยงจากหน้านั้นไปยังเนื้อหาอื่น ๆ ที่มีเจตนาในการขาย พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงและการใช้คีย์เวิร์ดเดียวกันในหลาย ๆ หน้า เพราะเป็นวิธีปฏิบัติที่เรียกว่า cannibalisation ซึ่งจะส่งผลให้ทราฟฟิคโดยรวมของคุณลดลง

คีย์เวิร์ดไม่ปรากฏในหน้าเว็บ

มาถึงขั้นนี้คุณจะมีรายการคีย์เวิร์ดที่ไม่ปรากฏบนหน้าเว็บของคุณ ขั้นตอนต่อไปค่อนข้างง่าย เช็คว่าคีย์เวิร์ดนั้นมีการค้นหาเท่าไหร่, จุดประสงค์ของคีย์เวิร์ดคืออะไร และสร้างเนื้อหาตาม การสร้างหน้าใหม่จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดใหม่ และใส่เนื้อหาให้ตรงกับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ซึ่งจะทำให้เครื่องมือสามารถอ่านเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้นและส่งผลดีต่อการจัดอันดับโดยรวมของคุณ

หน้าเว็บที่ไม่มีคีย์เวิร์ด

บางหน้าอาจขาดคีย์เวิร์ด และในหลายกรณีนี่เป็นสิ่งที่คุณควรพิจารณา อย่างไรก็ตาม หน้า “ติดต่อเรา” และแม้กระทั่ง “เกี่ยวกับเรา” อาจมีความเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงคีย์เวิร์ด โปรดจำไว้ว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่การนำผู้ใช้ไปยังเนื้อหาที่พวกเขาต้องการ

ตรวจสอบการจัดอันดับคีย์เวิร์ดของคุณ

คุณควรจำไว้ว่าหากคุณกำลังเปลี่ยนคีย์เวิร์ด คุณจะต้องมองการจัดอันดับโดยรวม คุณสามารถสร้างความเสียหายให้กับจัดอันดับของคุณโดยการใช้คำค้นหาที่มีปริมาณการค้นหาสูง และแทนที่ด้วยคำที่ตรงกับที่คุณต้องการ

Keyword mapping เป็นกระบวนการต่อเนื่อง

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าการจับคู่คำหลักต้องเป็นกระบวนการที่ทำอย่างต่อเนื่อง การค้นหามีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอด ดังนั้นเนื้อหาของคุณก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามด้วยเช่นกัน

ตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่มีการจัดอันดับสูงและปรับปรุงเนื้อหาที่จำเป็นตามไปด้วย การติดตามการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ Google ให้ทัน ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ถ้าคุณต้องการจะนำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอ